เสาเข็มเจาะให้ลึกแค่ไหนถึงจะดี? วิศวกรมีคำตอบ
โดย วิศวกรโยธา
ในการออกแบบโครงสร้างอาคาร “ฐานราก” เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่ง เพราะเป็นตัวรับน้ำหนักทั้งหมดของตัวอาคารและส่งถ่ายลงสู่ชั้นดินที่สามารถรับแรงได้อย่างมั่นคง ในบรรดาฐานรากหลากหลายประเภท เสาเข็มเจาะ (Bored Pile หรือ Cast-in-place Pile) กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยม โดยเฉพาะในพื้นที่เมือง หรือในไซต์งานที่ต้องการลดผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนและเสียงดัง
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจยังสงสัยว่า… “เสาเข็มเจาะต้องลึกแค่ไหนถึงจะเพียงพอ?”
คำตอบไม่ได้มีตัวเลขตายตัว เพราะ “ความลึกของเสาเข็มเจาะนั้นปรับได้ตามลักษณะและชั้นดินของพื้นที่ก่อสร้าง” โดยทั่วไปอาจอยู่ในช่วง 10-30 เมตร หรือมากกว่านั้น แล้วแต่ผลการวิเคราะห์จากวิศวกร
📌 ทำไมความลึกของเสาเข็มเจาะจึงสำคัญ?
หลักการคือ เสาเข็มต้องลึกพอที่จะถึงชั้นดินแข็งหรือชั้นดินที่สามารถรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย หากเสาเข็มสั้นเกินไป หรือหยุดอยู่ในชั้นดินอ่อน เช่น ดินเหนียวอ่อน ดินทรายหลวม หรือชั้นดินเลน เสาเข็มอาจทรุดตัวในระยะยาว ทำให้อาคารเอียง ร้าว หรือพังได้
ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เรามักเจอชั้นดินอ่อนอยู่ในระดับความลึกประมาณ 0-15 เมตร ซึ่งยังไม่เหมาะแก่การวางปลายเสาเข็ม จึงต้องเจาะลึกลงไปถึงชั้นดินแข็งที่อยู่ลึกกว่า เพื่อให้ปลายเสาเข็มสามารถถ่ายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
🛠️ วิศวกรวิเคราะห์ความลึกอย่างไร?
ก่อนจะเริ่มเจาะเสาเข็ม วิศวกรจะทำการ สำรวจชั้นดิน (Soil Investigation) ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญมากในงานฐานราก การสำรวจนี้จะบอกว่าใต้พื้นดินของไซต์งานนั้นมีชั้นดินอะไรบ้าง เช่น
- ดินเหนียวอ่อน
- ดินเหนียวแข็ง
- ดินทราย
- ชั้นทรายอัดตัวแน่น
- ชั้นกรวด
- ชั้นหิน ฯลฯ
นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลอื่นๆ เช่น ค่าความสามารถในการรับน้ำหนักของดิน (Bearing Capacity) และค่าการทรุดตัว (Settlement) จากนั้นวิศวกรจึงใช้ข้อมูลเหล่านี้มาคำนวณออกแบบความลึกของเสาเข็มให้เหมาะสมกับน้ำหนักของตัวอาคาร
🔧 ตัวอย่างความลึกของเสาเข็มในโครงการต่างๆ
- บ้านพักอาศัย 2 ชั้นในกรุงเทพฯ
เสาเข็มเจาะมักลึกประมาณ 18-24 เมตร เพื่อให้ถึงชั้นดินเหนียวแข็ง - อาคารสำนักงาน 5-8 ชั้น
ความลึกของเสาเข็มอาจอยู่ที่ 21-30 เมตร เพื่อรองรับน้ำหนักได้มากขึ้น - อาคารสูงหรือคอนโดฯ สูง 20 ชั้นขึ้นไป
อาจใช้เสาเข็มเจาะลึกถึง 30-50 เมตร หรือเจาะทะลุผ่านชั้นดินทั้งหมดเพื่อให้ถึงชั้นทรายอัดตัวแน่นหรือหิน
✅ ข้อดีของเสาเข็มเจาะที่ปรับความลึกได้
- ยืดหยุ่นตามสภาพดิน
ต่างจากเสาเข็มตอกที่มีความยาวจำกัด เสาเข็มเจาะสามารถเจาะต่อไปได้จนกว่าจะถึงชั้นดินที่ต้องการ - มั่นคงกว่าในดินอ่อน
การเจาะลึกช่วยให้พ้นชั้นดินอ่อนที่มักทำให้เกิดการทรุดตัวในระยะยาว - เพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนัก
ยิ่งเจาะลึกถึงชั้นดินแข็งหรือชั้นทรายที่มีแรงเสียดทานสูง เสาเข็มยิ่งสามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น - ไม่ส่งผลกระทบกับอาคารข้างเคียง
แม้ต้องเจาะลึก แต่ไม่มีแรงสั่นสะเทือนเหมือนเสาเข็มตอก จึงปลอดภัยกับโครงสร้างรอบข้าง
⚠️ ข้อควรระวัง
แม้เสาเข็มเจาะจะสามารถควบคุมความลึกได้ แต่วิศวกรต้องกำหนดค่าที่ “เหมาะสม” ไม่ใช่ลึกโดยไม่จำเป็น เพราะอาจเพิ่มต้นทุนโดยไม่ให้ประโยชน์ชัดเจน เช่น ค่าเช่าเครื่องจักรเพิ่ม ค่าคอนกรีต ค่าบริหารจัดการ และเวลาในการดำเนินงาน
ยกตัวอย่างเช่น หากอาคารมีน้ำหนักน้อย และชั้นดินรองรับได้เพียงพอที่ระดับ 21 เมตร ก็ไม่จำเป็นต้องเจาะลึกถึง 30 เมตรให้เปลืองงบประมาณ

บริษัท ทียู อัมรินทร์ จำกัด ราคาเสาเข็มเจาะ2568
มือถือ 084-642-4635 093-789-2626
อีเมล์ tuamarin@hotmail.com
เฟสบุค www.facebook.com/tua635



บริการ เสาเข็มเจาะ กรุงเทพมหานคร กระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครพนม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พังงา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี โคราช หาดใหญ่ ภาค เหนือ กลาง ใต้ ตะวันออก ตะวันตก อีสาน
0 Comments